“ฮ่องกง” เที่ยงต่างประเทศง่ายๆ แบบสบายกระเป๋า (1)
“ฮ่องกง” ถ้าถูกจัดอันดับส้มเชื่อเลยว่าต้องติด 1 ใน 5 ของสถานที่ต่างประเทศที่คนไทยใฝ่ฝันจะไป ที่นี่ถึงจะเป็นแค่เกาะเล็กๆ แต่แฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์หลายอย่าง ทั้งเรื่องอาหารการกินที่ไม่เป็นสองรองใคร และที่ชนะเลิศคือที่นี่เป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักช็อปตัวจริง จะ LOUIS VUITTON , CHANEL , PRADA, Gucci และอีกสารพัด พร้อมใจนัดหมายกันมาตั้ง Shop เพื่อโกยเงินกันสุดฤทธิ์ ดีนะที่ส้มไม่ใช่ขาช็อป เป็นแต่ขาชิม(ตัวยง) งานนี้เลยขอเน้นเรื่องการเที่ยวสถานที่สำคัญๆ และทัวร์กินแล้วกันนะคะ (ขาช็อปอย่าเพิ่งน้อยใจเค้านะจ๊ะ)
ถึงจะแอบอวยชมเชยฮ่องกงมาซะขนาดนี้นะ แต่บอกเลยว่าจริงๆ แล้วฮ่องกงนี่ไม่ได้อยู่ในลิสที่ส้มอยากจะไปซักเท่าไหร่ ก็อย่างที่บอกว่าเมืองแห่งนักช็อป ไอ้เรามันไม่ค่อยช็อปเลยมองข้ามที่นี่ไปหลายครั้ง แต่ว่าถ้าได้ไปก็ถือว่าเปิดประสบการณ์เที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองครั้งแรก เพราะปกติไปแต่กับทัวร์ และแล้วก็ได้แรงกระตุ้นให้ต้องไปเพราะแอร์เอเชียออกตั๋วโปรฯ มาให้ตาวาว เลยหันมามองปฏิทินว่าว่างวันไหนบ้าง แล้วก็ได้ฤกษ์งามยามดี 2-4 พฤศจิกายน ใช่เลย
ปล.1 จริงๆ ราคาตั๋วโปรก็ไม่ได้ลดเยอะมากมายหรอกค่ะ ตกคนละ 5,000 กว่าๆ บางคนได้ราคาถูกกว่าส้มเยอะแยะ แต่หาข้ออ้างเที่ยวไปงั้นแหละค่ะ ^_^”
เมื่อได้ตั๋วเดินทาง การวางแผนก็เริ่มต้นขึ้น โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเที่ยวแบบสนุก ประหยัด และคุ้มค่า และจากที่ไม่เคยสนใจเมืองนี้ก็หันมาสนใจมันมากขึ้น ศึกษาว่าคนส่วนใหญ่เค้าไปเที่ยวที่ไหน กินอะไร พักที่ไหน อันนี้นี่สำคัญ ส้มว่าจองที่พักไว้ให้อุ่นใจก่อนเป็นดีที่สุด เมื่อแผนการท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว จะรอช้าอยู่ใย มาม่ะ….ตามมาเที่ยว ฮ่องกง ในแบบของส้มกันดีกว่าค่ะ
ก่อนวันเดินทางส้มทำเรื่อง Check-in Online สายการบินแอร์เอเชียมาก่อนค่ะ เพราะกลัวว่าคิวที่เคาน์เตอร์จะยาว แล้วก็เป็นไปตามคาด ขนาดส้มเดินทางไฟท์เช้าคนยังเพียบเลย ไหนๆ ก็ไม่ต้องต่อคิว Check-in แล้ว ก็เลยไปหาอะไรรองท้องก่อน เพราะส้มไม่ได้สั่งอาหารบนเครื่องไว้ (งกม่ะ) แล้วก็ไปนั่งรอเวลาเค้าเรียกขึ้นเครื่องค่ะ
ก่อนเดินทางก็ขอนิดนึง ^^
ไฟท์ที่ส้มเดินทางค่ะ
เครื่องพร้อม คนพร้อม ก็ลุย!!!
ส้มหาข้อมูลจากเว็บไซต์และหนังสือเล่มนี้ค่ะ
เย้ๆ ในที่สุดก็มาถึงแล้ว “ฮ่องกง” จนได้ เห็นใครต่อใครก็มาเที่ยวที่นี่ คราวนี้ชั้นขอมาพิสูจน์ความเก๋าของเมืองนี้ด้วยตัวเองดีกว่า ก่อนอื่นไปเข้าคิวรอที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองกันก่อนดีกว่าค่ะ
จำนวนผู้คนที่ต่อคิวรอ
เห็นคิวยาวขนาดนี้ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ (แหม! ทำเป็นบอกคนอื่น ตอนตัวเองเห็นก็แทบช็อกเหมือนกันแหละ -_-) เพราะถึงแม้คนจะเยอะขนาดนี้ แต่เคาน์เตอร์เค้าก็เยอะตามไปด้วยค่ะ ส้มใช้เวลาในขั้นตอนนี้ซัก 10 นาทีก็ผ่านด่านมาได้เรียบร้อยค่ะ (อ่อ..ลืมบอกว่าฮ่องกงไม่ต้องขอวีซ่านะแค่มีเล่มพาสปอร์ตก็มาเที่ยวได้แล้วจ้า)
หลังจากผ่านด่านมาได้อย่างสวยงาม ก็รีบไปซื้อบัตร octopus บัตรนี้ขอขีดเส้นใต้เลยว่า “ห้ามลืมซื้อเด็ดขาด“ เพราะมันคือบัตรแห่งความสะดวกสบายที่สุด แค่ซื้อที่เคาน์เตอร์ของ Airport Express ที่สนามบิน หรือ Customer Service Centre ของ MTR ทุกสถานี ในราคาใบละ 150 HKD (แบ่งเป็นค่ามัดจำ 50 และใช้ได้ 100) คุณก็สามารถใช้บัตรนี้ซื้อของในมินิมาร์ท ขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือรถราง และอีกหลายอย่างเลยล่ะค่ะ แล้วเวลาเงินหมดเมื่อไหร่ ก็แค่ไปที่ตู้เติมเงินที่มีในสถานีรถไฟแค่นี้เองเจ้าค่าาาา ^__^
ซื้อบัตรที่นี่จ้า
หน้าตาบัตรสารพัดนึก/ป้ายบอกเส้นทาง CITYBUS
มาต่อกันที่ขั้นตอนการเข้าเมือง ส้มเลือกใช้รถ CITYBUS สาย A21 จากสนามบิน ไปลงที่ป้ายที่ 14 Middle Road เพื่อไปเช็คอินห้องพักโรงแรม Cosmic Guesthouse ตึก Mirador Mansion ชั้น 12 ย่าน Tsim Sha Tsui ตั้งอยู่บนเกาะฝั่งเกาลูน บนรถก็คอยสังเกตป้ายที่หน้ารถค่ะ เพราะจะมีชื่อจุดจอดสถานีต่อไปเป็นภาษาอังกฤษแจ้งให้ทราบ พอเราจะลงก็แค่กดกริ่งเท่านั้นค่ะ
ออกมาจากสนามบิน ให้เดินมาทางรถไฟฟ้า พอเจอตรงนี้ให้เลี้ยวขวาจ้า
ป้ายบอกทาง
ป้ายและหน้าตาของรถสาย A21 (สายนี้รอไม่นานค่ะ เพราะเป็นสายยอดนิยม)
ป้ายบอกจุดจอดบนรถ
วิวระหว่างทาง เมืองนี้มีแต่ตึกจริงๆ
ลงรถเมล์มาเสร็จส้มต้องเดินย้อนกลับมาตึก Mirador Mansion เพื่อเข้าที่พัก “Cosmic Guesthouse” อยู่ที่ชั้น 12 ค่ะ มาถึงก็นำเอกสารที่จองผ่านอีเมลให้คุณป้าเจ้าหน้าที่เ้ค้าดูค่ะ แต่ส้มโชคไม่ดีตรงที่ไม่ได้พักในตึกนี้ เพราะที่นี่เต็ม ต้องย้ายไปพักอีกตึกนึงอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งห้องพักมีน้อย เล็ก และไม่ค่อยสะอาด แต่ก็ชั่งเถอะเอาไว้นอนเฉยๆ เวลาส่วนใหญ่อยู่ข้างนอกซะมากกว่า
ปล.2 ราคาห้องพักในฮ่องกงค่อนข้างสูง ขนาดห้องที่ส้มนอนขนาดเท่ากับหนูดิ้นตายยังราคา 300 HKD/คืน ถ้าเป็นโรงแรมใหญ่ๆ หลายตังค์ จริงๆ ที่ส้มจองที่นี่เพราะห้องที่ตึก Mirador Mansion น่ะโอเค แต่ดันมารู้ตอน Check-in ว่าไม่ได้นอนตึกนี้ เลยต้องรับกรรมไปค่ะ T_T
ขึ้นลิฟท์ให้ถูกฝั่งด้วยนะตัวเธอ
ถึงแล้ว Cosmic Guesthouse
สภาพลิฟท์ตึกที่เราไปพัก น่ากลัวแต่มันส์ดี ระบบเก่ามาก (นึกถึงหนังฮ่องกงสมัยก่อน)
นี่คือเตียง Double Bed นะคะ….พระเจ้าช่วย จะเล็กไปไหนเนี๊ยะ ผ้าเก่าอีกตังหาก ฮือออ
พักเรื่องเศร้าที่ไม่ได้้ห้องพักอย่างที่ใจหวังไว้ก่อน ชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้า เมื่อท้องร่ำร้องว่า “หิวโว้ย” ก็เลยต้องตามใจท้องหน่อย หยิบคู่มือมาดูแผนที่ อ่อ..มีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง มื้อแรกขอจัดบะหมี่ก่อนเลยค่ะ งานนี้คุณแฟนดูราคาผิด He สั่งบะหมี่หอยเป๋าฮื้อมาเพราะเข้าใจว่าราคา 40 HKD เหมือนส้ม ที่ไหนได้…คิดเงินมาชามบะหมี่เฮียปาเข้าไป 158 HKD (คูณ 4.1 เข้าไปค่ะ) หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม มื้อแรกชั้นจ่ายค่าอาหารรวมแล้ว 234 HKD เจ้าค่ะ แลกเงินมาไม่เยอะมากเพราะกะไม่ช็อป เจออย่างงี้เข้าไปตังค์ในกระเป๋าจะพอมั้ยเนี๊ยะ
“Chiu Fat Porridge Noodle Restaurant” ร้านอาหารมื้อแรกในฮ่องกงค่ะ
หน้าตาบะหมี่เป๋าฮื้อ 158 HKD (เป๋าฮื้อชิ้นเล็กเวอร์)
ส่วนนี่บะหมี่ที่ส้มสั่งค่ะ เห็นซุปสีจืดๆ แบบนี้ แต่รสชาติกลมกล่อมนะ
กินอิ่ม เสียตังค์ สบายจายยยย…คราวนี้ก็ไปเที่ยวได้แล้วจ้า ที่แรกไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยหน่อยซิจุดหมายแรกของเราคือ “วัดกังหันหรือวัดแชกงหมิว” เพราะได้ยินกิตติศักดิ์จะพี่ที่ทำงานว่าที่นี่ขอพรอะไรได้ดังหวัง อย่างงี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว ส้มเดินทางโดย KCR ลงสถานี Che Kung Temple Exit B (หนังสือเล่มข้างบนหน้า 226)
ปล.3 KCR คือรถไฟฟ้ามีสองเส้นทางคือ west กับ east / MRT คือ รถไฟฟ้าใต้ดินค่ะ
ที่มาของชื่อวัด
ไหนๆ ก็มาวัดแล้ว ที่ต่อมาก็วัดอีกแล้วกัน วัดนี้ถ้าไม่ไปถือว่าผิด (นี่มันครัวคุณต๋อยป่าวหว่า) เราจะไป “วัดหวังต้าเซียน” กันค่ะ (ข้อมูลหน้า 201) วัดนี้ตั้งอยู่กลางเมืองเลยค่ะ คนมากราบไหว้ขอพรกันเยอะมาก ส้มก็ขอเป็นหนึ่งในนั้นด้วยแล้วกัน
อ่อ! ที่นี่มีกิมมิึคเล็กๆ สำหรับคู่รักด้วยนะคะ ตอนแรกส้มไม่รู้หรอกว่าคืออะไร จนคุณแฟนฉุดกระชากลากถู (ขนาดนั้นเลยหรอ) ให้ไปไหว้รูปปั้นชายหญิงคู่หนึ่ง โดยจะมีคนเอาเชือกมาให้เราผูกตามขั้นตอนที่เค้ากำหนด แล้วฝ่ายหญิงให้เอาเชือกไปผูกที่รูปปั้นชาย ผู้ชายไปผูกที่รูปปั้นหญิง จะทำให้ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก ฮิ้วววว
มีเทคนิคการไหว้ด้วยนะ ขอบอก!
สวยดี
นี่ไงรูปปั้นคู่รัก
เบื่อทัวร์วัดกันรึยังจ๊ะ ถ้าเบื่อแล้วส้มจะพาไปเปลี่ยนบรรยากาศกันที่ “สวน Nan Lian Garden” (อยู่ตรงข้ามสำนักนางชี) สวนนี้ร่มรื่นและกว้างขวางมากเลยค่ะ ส้มว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนที่ญี่ปุ่นเลย แถมมีปราสาททอง เหมือนปราสาทคินคาคุจิเลยอ่ะ่ ตอนแรกกะว่าจะเดินเล่นที่สำนักนางชีต่อ แต่สักขารไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ตื่นตั้งแต่เช้า มาถึงก็เที่ยวๆๆๆๆ ไม่ได้หยุด เลยขอกลับไปพักเอาแรงก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยเริ่มทริปใหม่เนอะ
Nan Lian Garden ที่นี่ห้ามพลาด
นี่มันบ้านชิราคาวาโกะรึเปล่า
ใช่เลย ปราสาททองแห่งวัดคินคาคูจิ
เงียบ สงบ ร่มรื่นดีแท้
ตะลุยเที่ยวมาทั้งวัน ขอกลับไปงีบบนเตีียงแสนนุ่มก่อน (นุ่มมั่ก ><“) ตอนแรกกะจะไปดูการแสดงแสงสี The Symphony of Lights ที่ Avenue of Star แต่ไม่มีแรงจริงๆ ค่ะ ส้มเลยต้องไปเติมแรงจัดหนักอาหารการกินซะหน่อย พอดีส้มพักอยู่แถวจิมซาจุ่ย (ถนนนาธาน) แถวนี้คึกคักตั้งแต่เช้ายันเย็น ส้มเลยเดินเล่นหาของอร่อยกินไปเรื่อยเปื่อย แล้วเราก็ได้พบขนมในตำนาน ส้มขอเรียกว่า “ขนมรังผึ้งฮ่องกง” แล้วกัน รสชาติดีค่ะ ไม่หวานมาก คิวยาวเชียว
คนดังมากินขนมรังผึ้งฮ่องกงกันใหญ่
เอิ่ม…จัดของหวานก่อนของคาวซะงั้น แต่ไม่เป็นไรกระเพาะเราไม่เคยแคร์อยู่แล้ว ส้มเดินมาหาอาหารที่มันหนักๆ ท้องกินบ้าง แล้วก็ได้มาเจอร้านนี้ ตรง Street Night Market คนเยอะ บรรยากาศได้ อาหารน่ากิน จัดด่วนเลยค่ะ 3 เมนู พร้อมเบียร์อีก 1 ขวด….ฟินนาเล่
คะน้าผัดน้ำมันหอย เมนูนี้กินทุกมื้อค่ะ เหมือนธรรมดาแต่อร่อยมาก
กั้งผัดพริกกระเทียม เนื้อน้อย แต่มันฟินตรงได้แทะๆ นี่แหละ
ข้าวอบไก่หม้อดิน
ขวดนี้คุณแฟนรีเควส
วันนี้ขอกลับไปนอนเอาแรงก่อน พรุ่งนี้เราจะพาไปนั่งกระเช้า ไหว้เจ้าแม่กวนอิม และชมแสงสีกันนะจ๊ะ ไปนอนดีฟ่า บ๊ะบาย ZZZ
ลิ๊งค์ Part 2 https://www.i-som.com/?p=1466
ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ www.facebook.com/ISomThailand