ความหรูหราบนความเป็นไทย ใจกลางกรุง @ Siam Kempinski Hotel

On พฤษภาคม 22, 2014 by admin

 

“พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ” เนื้อเพลงท่อนนี้ช่างเข้ากับเรื่องราวรีวิววันนี้เสียเหลือเกินค่ะ เพราะไม่รู้ด้วยพรหมลิขิตอันใดชักพาให้ส้มได้มาทำความรู้จักกับ “Siam Kempinski Hotel” สถานที่ที่จะอยู่ในความทรงจำส้มตลอดไป เพราะมันคือสถานที่สำหรับวันสำคัญที่สุดในชีวิต “วันแต่งงาน” และด้วยการบริการที่น่าประทับใจของพนักงานทุกคนก็ทำให้ช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นช่วงที่แสนพิเศษสุดๆ ไปเลยค่ะ

อย่างแรกที่บ่าวสาวหลายคู่นึกถึง เมื่อต้องจัดเตรียมงานแต่ง คือการเลือกเฟ้นสถานที่สำหรับจัดงานสำคัญนี้ แต่ละคนมีปัจจัยในการเลือกแตกต่างกันไป บ้างเลือกริมทะเล บ้างเลือกเรือนไทยสวยๆ สักหลังในการจัดพิธีการ ส่วนคู่เรามองหาโรงแรมที่มีทั้งความสวยงามของสถานที่ , ความสะดวกในการเดินทางมายังโรงแรม รวมถึงการบริการที่ดีของพนักงาน และที่ Siam Kempinski Hotel (โรงแรมสยาม เคมปินสกี้) ก็ตอบโจทย์เราได้ทุกอย่างค่ะ

นามสกุล “เคมปินสกี้” เป็นตัวการันตีคุณภาพของโรงแรมได้อย่างมากค่ะ เพราะเค้าเป็นโรงแรมติดดาว 6 ดวงที่คนทั้งโลกยอมรับ ส่วนจุดแข็งของโรงแรมสยาม เคมปินสกี้ สำหรับส้มแล้วคือ มาตรฐานการให้บริการที่เป็นสากลแค่ะ แถมยังเป็นโรงแรมที่อยู่ใจกลางกรุงเทพ มีที่จอดรถกว้างขวาง (แขกสามารถจอดรถที่ห้างพารากอนได้ด้วยค่ะ) ก่อนเริ่มงานแขกเหรื่ออาจจะเดินกรุยกรายไปช็อปปิ้งเล็กๆ ที่พารากอน – สยามดิสฯ – สยามเซ็นเตอร์แบบเก๋ๆ ได้นะจ๊ะ (แต่ดูจะมีอุปสรรคเล็กๆ ในการเดินเพราะชุดราตรียาวเจ้ากรรม อิอิ แถมใครกลัวรถติดก็แค่กระโดดขึ้น BTS ลงสถานีสยาม เดินต่ออีกซักนิดก็ถึงหน้าโรงแรมแล้วจ้า)

ระหว่างเตรียมงานพี่เก๋ (เซลล์ของโรงแรม) ดูแลดีมากค่ะ น่ารัก พูดจาสุภาพ ตามประสาคนจัดงานแต่งคือสงสัยโน่นนี่นั่นบ่อย โทรไปหาทีไรไม่เคยเกี่ยงงอนเลยค่ะ ประทับใจมาก (ขอบคุณพี่เก๋ ณ จุดนี้เลยฮับ)

เมื่องานแต่งเสร็จสมบูรณ์ไปได้ด้วยดี โรงแรมแห่งนี้ก็พิสูจน์ให้ส้มเห็นแล้วว่าเขาเป็นมืออาชีพจริงๆ เพราะในวันงานพนักงานทุกส่วนทำงานอย่างแข็งขันมาก แถมบางเรื่องที่เราละเลยเค้าก็คอยแนะนำด้วย งานแต่งวันนั้นจึงผ่านไปได้อย่างราบรื่น ขอบอกว่าถึงเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเหนื่อยล้าแค่ไหนแต่ก็แอบยิ้มหน้าบานเลยค่ะ 555

ขอบคุณทุกคนที่ทำให้วันนี้ออกมาสวยงามสมใจ


หลังจากวันงานพี่เก๋ได้มอบ “Gift Certificate” ห้อง Executive ให้เรา เพราะว่ารวมอยู่ในแพ็คเกจงานแต่งที่เราเลือก ถึงแม้ส้มจะเคยมาพักคืนก่อนวันแต่งงาน แต่ตอนนั้นทุกอย่างมันรีบเร่งไปหมด แทบไม่มีเวลาชื่นชมความสวยของโรงแรมเท่าไหร่ เมื่อได้บัตรมามีหรือจะพลาดค่ะ พอส้มหาวันว่างได้ลงตัว ก็ยกหูโทรศัพท์กรี๊งกร๊างไปจองห้องพักไว้แต่เนื่อนๆ เพราะกลัวห้องเต็ม (แหม! โรงแรมเค้ามีนักท่องเที่ยวจองตลอดปีขนาดนี้ ก็กลัวอดได้ห้องเป็นธรรมดาน่ะค่ะ อิอิ)

พอ Booking ห้องพักไว้เรียบร้อย คราวนี้ก็เหลือแค่นับถอยหลัง รอวันที่เราจะกลับไปเยี่ยมเยือนเพื่อนเก่าเสียหน่อย บอกเลยถ้าไม่มีเจ้าบัตรนี้ มีหวังไม่ได้มาพักง่ายๆ แน่นอนค่ะ เพราะงบประมาณในกระเป๋าไม่ถึง 555+

และแล้ววันที่ลอยคอ เอ้ย! รอคอยก็มาถึงค่ะ วันนี้ส้มตั้งใจจะไปสัมผัสโรงแรมหรูระดับโลกแห่งนี้ให้ครบทุกซอกทุกมุมเลย (ออกแนวล้างแค้นคราวที่แล้วมิได้มองอะไรเล้ย) อ่อ! ตอนโทรมาจองห้อง พนักงานแจ้งว่า Check-in ได้ตอนบ่าย 2 นะคะ แต่พอมาถึงห้องยังไม่เรียบร้อยดี พนักงานเลยให้เราเดินเล่นรอไปพลางๆ ก่อน แล้วเราทำอะไรได้นอกจากสวมวิญญาณนักสืบสำรวจโรงแรมค่ะ

Check-in ก่อนเป็นอันดับแรก

บริเวณล็อบบี้ กว้างขวางดีจริงๆ ค่ะ

 

ระหว่างรอพนักงานก็นำ Welcome Drink มาให้ ดื่มแล้วชืนใจมีแรงฮึดสู้ บุกตะลุยโลกของสยาม เคมปินสกี้กันแล้ว….

ดื่มเพื่อลืมเธอ (ไม่ใช่แว้วว)

 

โรงแรมสยามเคมปินสกี้แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ Royal Wing และ Garden Wing ส้มได้มีโอกาสพักทั้ง 2 ฝั่ง ก็สวยทั้งสองฝั่งแหละค่ะ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้เดินออกมาชมวิวนอกระเบียงมากนัก เน้นนอนกลิ้งบนเตียงนุ่มๆ ซะมากกว่า 555 แต่ก่อนจะไปที่ห้องพัก ขอเริ่มสำรวจกันบริเวณล็อบบี้ชั้น 1 ก่อนจ้า สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดสำหรับชั้นนี้ คือ การตกแต่งดอกไม้ค่ะ ต้องยอมรับว่าเค้าชั่งสรรหาดอกไม้สวยๆ สายพันธุ์แปลกตามาให้เราได้ชื่นชม (มาคุยงานกี่ครั้งต้องแอบแชะภาพกับซุ้มดอกไม้ตลอดๆ) แถมมีมุมให้แขกที่มาพักได้นั่งผ่อนคลายหลายโซน โต๊ะ-เก้าอี้สวยงาม อลังการ เรียกว่าเลอค่ามากค่ะ

ดอกกล้วยไม้โชว์ความสวยสง่าให้เห็น

 

และถึงแม้โรงแรมนี้จะเป็นโรงแรมสัญชาติยุโรป แต่การตกแต่งโรงแรมในสยามแห่งนี้ บ่งบอกได้ถึงความเป็นไทยได้ดีเยี่ยมเลยค่ะ แต่ละจุดมีภาพวาดลวดลายไทย ดอกไม้ไทยๆ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้าไหมและลวดลายกนกชดช้อยเชียวค่ะ เห็นอย่างนี้แล้วภูมิใจบ้านเกิดจริงๆ ประเทศไทยนี่แหละค่ะ ศิลปะ วัฒนธรรมไม่เคยแพ้ชาติใดในโลก

ตู้นี้ท่านได้แต่ใดมา อยากได้

 

เดินเล่นชั้น 1 จนหนำใจแล้ว มาต่อกันที่ชั้น 2 โซน Business Center และห้องสัมมนา-ห้องจัดเลี้ยงค่ะ ส่วนห้องฉัตรา บอลรูมที่จัดงานแต่งก็อยู่ชั้นนี้เช่นเดียวกันค่ะ

เดินขึ้นบันไดวนแบบเกร๋ๆ

มองลงไปชมความอลังการเบื้องล่าง

 

ถึงจะเดินไปชั้นโน้นชั้นนี้ แต่ที่ๆ อยากไปมากที่สุดคือ สระว่ายน้ำจ้า เสียดายนิดหน่อยเพราะวันที่ส้มไปฝนดันตก ทำให้เจ้าหน้าที่เค้าเก็บเตียงผ้าใบไปหลายโซน แถมท้องฟ้าก็หม่นๆ ถ่ายรูปไม่ค่อยสวยเลย (คือปกติก็ไม่สวยอยู่แล้วด้วยอ่ะนะ) แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคค่ะ เพราะนอกจากส้มจะถ่ายภาพบรรยากาศเก็บไว้แล้ว พอส้มเช็คอินห้องพัก สำรวจห้องนอนเสร็จ ก็รีบเปลี่ยนชุดลงมาว่ายน้ำต๋อมแต๋มเป็นปลาพะยูนเกยตื้นให้เพลินกันไป

อยากกระโดดลงน้ำ มันตอนนี้เลย

ขอติงสระว่ายน้ำที่นี่อย่างนึงคืออยู่ติดกับห้องร้านอาหารและโซนต้อนรับอ่ะ (ไม่ส่วนตัวเลย)

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก มัวแต่ถ่ายรูปเดินเล่นอย่างเมามัน จนไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีพนักงานเดินมาตามบอกว่าห้องพักจัดเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพนักงานสาวสวยจะพาไปยังห้องพักของเราค่ำคืนนี้ วันนี้เราได้นอนฝั่ง Royal Wing (ส่วนชั้นไหน…ขออภัยเค้าจำม่ายได้ง่า)

ตามทำเนียมของโรงแรมใหญ่ๆ มักจะมีพนักงานพาเรามาที่ห้องพัก และให้คำแนะนำเรื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในห้อง สยาม เคมปินสกี้ก็เช่นกันค่ะ พนักงานดูแลดีมาก เปิดประตูปุ๊บ เริ่มรัวสคริปต์ “ส่วนนี้ห้องนั่งเล่นนะคะ มีบริการโน่นนี่นั่น และส่วนนั้นเป็นบริเวณห้องนอน อาหารเช่้าเวลา….บลา บลา บลา) แต่ที่ชอบสุดคือประโยคสุดท้ายค่ะ “มินิบาร์ สามารถรับประทานได้ฟรีทุกอย่างนะค่ะ ยกเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ” หูผึ่ง ตาวาวขึ้ันมาในทันทีค่ะ งานนี้จัดเต็ม 555

ภาพที่เห็นเมื่อเปิดประตูเข้ามา สะดุดตาความกว้างขวาง

 

แหม! มัวแต่เม้าส์มอยพนักงานเค้า (บอกเลยพนักงานโรงแรมนี้สวย สง่าทุกคน) ถึงแม้หูจะตั้งใจฟังพนักงานแค่ไหน แต่สายตาส้มนี่สิคะ อยู่ไม่สุขเลย วอกแวกตลอด เพราะมัวแต่มองซ้าย มองขวา ตะลึงกับความใหญ่โตและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่หรูหราของห้องพักส้มคืนนี้ เมื่อพนักงานขอตัวออกไป เจ้าแม่นักรื้อก็เข้าร่างส้มค่ะ ค้นทุกซอก รื้อทุกมุม และแน่นอนที่ส้มไม่พลาดเด็ดขาดคือการถ่ายภาพเก็บมาฝากเพื่อนในรีวิวนี้ค่ะ

โซฟาใหญ่ได้ใจพี่เจงๆ

โต๊ะทำงานของท่านผู้บริหาร (ที่เห็นอยู่ขวามือคือที่ซ่อนเมนูอาหารค่ะ ตอนแรกหาไม่เจอต้องโทรไปถามพนักงาน)

 

สำหรับส้มคิดว่าห้อง Executive แห่งนี้ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ดูดี หรูหราแต่ไม่หวือหวาจนดูเอียน แต่เน้นการแต่งห้องแบบโปร่งและสบายตามากกว่า และยังมีของประดับล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ห้องดูอ่อนช้อยสมกับความเป็นไทย ส่วนโซฟานี่ใหญ่มากเชียวค่ะ ส้มว่าถ้าแอบมาพักเพิ่มซักคนสองคนก็นอนมันตรงนี้แหละ สบายดี

ภาพสวยๆ ทำให้ห้องนี้ดูพิเศษยิ่งขึ้น

ดูจานรองสิคะ ยังเป็นรูปใบบัวเลย

 

ส่วนคนที่เป็นพวกไฮเทคโนโลยีล่ะก็ ยิ่งชอบเลย เรื่อง WiFi แรงดีไม่มีตก ที่สำคัญคือฟรีค่ะ (เคยไปพักโรงแรมที่ค่าห้องโหดอยู่แล้ว ยังคิดค่าไวไฟเพิ่มอีก ฮึ!!!) และลูกเล่นเพิ่มตอนนี้คือเจ้าทีวีดิจิตอลนี้แหละค่ะ เค้าติดกล่อง Set Top Box แบบที่มี Pay TV ซะด้วย อยากดูหนังเรื่องไหน แค่กดที่รีโมท หนังเรื่องที่ต้องการก็พร้อมให้เราได้นอนตีพุงชมอย่างสบายใจแล้วค่ะ แถมทีวียังเชื่อมต่อ Internet ด้วยนะ เลยลองเล่น Facebook ในทีวีดู ก็โอเคอยู่ แต่มันควมคุมรีโมทลำบากไปนิดค่ะ

ทีวีใหญ่ ดูหนังได้เต็มๆ ตาเลย

ไม่ต้องกังวลว่าแบตมือถือ ไอโฟน ไอแพดท่านจะหมด เพราะเรามี…

เกริ่นเรื่องมินิบาร์ ไม่มีภาพมาโชว์ได้ไง จริงมั้ยคะ (ที่เห็นนี้ดื่มฟรีไม่มีคิดเพิ่ม)


ชา-กาแฟ ก็พร้อม

ฟรีหมด ยกเว้นสิ่งเหล่านี้นะคะ อย่าเผลอไปหยิบล่ะ ถ้าหยิบแล้วอย่าลืมจ่ายด้วนะ ห้ามเนียน 555

 

รื้อค้นห้องนั่งเล่นจนสาสมใจแล้ว คราวนี้มาที่ห้องบรรทม แน๊ะ!!! ห้องนอนกันบ้างจ้า เปิดเข้ามาก็เจอโซฟาตัวเล็กน่ารักโนะเนะ (ขนาดนั้นเลยหรอย่ะ)

ไหนๆ ห้องนอนคืนนี้สวยมั้ยน้าาา

โซฟาสานแบบนี้ น่ารัก เค้าชอบ

 

เจ้าโซฟามันแค่ออเดิร์ฟ นี่ๆๆๆๆ ของจริงต้องหันมามองทางซ้ายมือของห้องนอน กรี๊ดดดดดดด!!!! เตียงใหญ่ได้ใจพี่สุดๆ ไปเลยจ้า ตกแต่งแบบไทยๆ ด้วยภาพถ่ายดอกบัวแสนสวย โอ๊ย…ตายๆๆ งานนี้ใจละลาย อยากโน้มตัวลงนอน ณ บัดนาว แต่ทำไม่ได้ค่ะ ต้อง….”ถ่ายรูป” ก่อน 555

แค่เห็นเธอแล้วก็ใจละลาย

 

เรื่องเตียงส้มก็ฮือฮาในความอลังการ เวอร์วังไปแล้ว แต่ที่เด็ดกว่านั้นคือ “ห้องน้ำ” ที่เหมาะยิ่งกับคู่ฮันนีมูนเยี่ยงเรา (หราาา) จะอะไรซะอีกล่ะค่ะ ก็แหม ห้องน้ำ She เล่นเปิดกว้าง ม่านไม่มีซะขนาดนี้ แอร๊ย! เค้าก็เขิลเป็นนะตัว เห็นห้องน้ำซีทรูที่อยู่ตรงหน้า เจ้ก็จัดการโวยเบาๆ ไป ประมาณ 5 วินาที ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับสวิตซ์อะไรบางอย่าง ข้างๆ ผนัง เมื่อลองกดดูถึงได้รู้ว่า เค้ามีม่านจ้า แต่ม่านเค้าเก็บเป็นระเบียบเรียบร้อย กดปุ่มออโต้มันถึงจะเลื่อนลงมาปิดบังภาพหวาบหวิวไว้ 555 (งานนี้โล่งอกเพคะ)

หัวใจจะวาย วาบหวิวไปป่าวน้อง

ห้องน้ำแยกโซนเปียกและแห้งค่ะ ชอบมาก

 

สิ่งที่ส้มชอบมากๆ สำหรับห้องน้ำที่นี่คือ เค้ามีกระจกบานใหญ่อยู่รอบห้องเลยค่ะ เวลาแต่งเนื้อแต่งตัวจะได้เห็นตัวเต็มๆ กันซะที ส่วนเรื่องของประทินผิวก็มีไม่ขาดค่ะ สบู่ ครีมอาบน้ำ แชมพู ยาสระผม หรือจะเป็นสำลี คอตตอนบัดปั่นหู ไดร์เป่าผม ฯลฯ ก็พร้อม แถมเเอบขอเพิ่มได้ด้วย ที่การันตีเพราะขอมาแล้ว คือแบบอยากลองอาบน้ำในอ่างที่มีฟองฟู่ๆ เหมือนในภาพยนตร์ฮอลลีวูดบ้างไรบ้าง ครีมอาบน้ำที่มีมันตีฟองไม่พอ เลยโทรขอเพิ่มโลด

กระจกมีรอบห้องน้ำเลย

สามทหารเสือ ไม่ใช่ล่ะ (กลิ่นหอมอ่อนๆ ชื่นใจ)

 

กลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกรอบ นึกขึ้นได้ว่าลืมสำรวจอะไร ตู้เสื้อผ้านั่นเอง พอเปิดมาก็โล่งใจ เพราะมีเตารีดที่เราต้องการ เสื้อผ้าที่ถูกพับมาแบบยู่ยี่จะได้จัดการให้มันกลับมาเรียบดังเดิม นอกจากเตารีดแล้วก็มีตู้เซฟ ชุดคลุมอาบน้ำ (ที่ผ้าหนามาก) รองเท้า Slipper ที่ขัดรองเท้า แถมมีร่มไว้เผื่อเราออกไปเผชิญฝนนอกอาคารด้วย ดีมาก ปรบมือ 10 ครั้ง


มัวแต่อยู่ในห้อง กลัวเพื่อนๆ อุดอู้ มาม่ะ ส้มจะพาออกมาสูดอากาศบริเวณระเบียงห้องกันบ้าง ออกมาเห็นสระว่ายน้ำแบบ 180 องศา ก็น้ำตาตกในเล็กๆ ทำไมวันนี้ฝนต้องตกด้วย ท้องฟ้าและสระน้ำเลยสวยไม่สุดอ่ะ

ระเบียงทอดยาวสุดลูกหูลูกตา (เวอร์ไปนะ!!!)

ไม่ได้อยู่สูงมาก คนกลัวความสูงอย่างเราก็โอเค

 

เดินสำรวจเหนื่อยมั้ยน่ะหรอคะ ไม่เหนื่อยหรอกเพื่อทุกคนส้มสามารถ (ป่าว!! จะถามว่าที่เธอเขียนเพ้อเจ้ออยู่เนี๊ยะ เหนื่อยม่ะ ><) อ่ะ! เหนื่อยก็เหนื่อย เหนื่อยแล้วต้องทำไร หาไรกินดีกว่า จะสั่งอาหารในโรงแรมราคาก็แสนโหด แต่ความขี้เกียจมันจัดการส้มซะอยู่หมัดค่ะ ส้มเลยต้องมานั่งอ่านเมนูอาหารอย่างละเอียด เพื่อพินิจว่าอาหารจานไหนจะสู้ราคาไหวบ้าง และผู้เข้ารอบ 2 เมนูสุดท้ายได้แต่ พิซซ่าและแซนวิชค่ะ (อย่าถามว่าชื่อเต็มๆ เรียกว่าอะไร บอกเลยลืม 555)

รอประมาณครึ่งชั่วโมง บริกรก็นำอาหารมาเสิร์ฟค่ะ และส้มก็พบสิ่งที่ทำให้ส้มหลงรักสยาม เคมปินสกี้มากขึ้น นั่นคือเมนูพิเศษที่โรงแรมทำ Surprise เราสองสามีภรรยาที่เพิ่งแต่งงงานหมาดๆ เจออย่างงี้จะไม่รักได้ไงล่ะ จริงมั้ยคะ

บางกรอบ อร่อย

แซนวิชขนมปังกรอบ คำโตมาก กินทีกามแทบค้างเหอะ

จานไฮไลน์มาแล้ว กรี๊ด 10 รอบ

แอบมีจดหมายบอกรักมาให้ด้วย

จากจะกินแค่มื้อเล็กๆ พอรวมกันเลยกลายเป็นมื้อหลักไปเลยค่ะ

 

หนังท้องตึง หนังตาหย่อย แต่หลับไม่ได้ เดี๋ยวไม่คุ้มค่ะ เพราะยังมีภารกิจว่ายน้ำอยู่ แต่ภารกิจนี้ขอไม่มีภาพประกอบนะคะ กลัวจะกลายเป็นภาพอุจาดตาแก่สาธารณชนจนเกินไป 555 หลังจากว่ายน้ำได้ครึ่งชั่วโมง (น้อยแท้!!! ก็น้ำมันเย็นอ่ะ)

เนี๊ยะๆ เค้ามานอนขึ้นแท่นบูชาอยู่ตรงนี้แหละ ^^

 

ว่ายน้ำแล้ว เหนื่อยสุดๆ (กล้าพูดเนอะ เมื่อกี้เพิ่งบอกลงไปแค่ครึ่งชั่วโมง) ส้มเลยของีบไป 1 ยก แล้วก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวไปเดินเล่นและทานเข้าเย็นที่ห้าง Siam discovery ซึ่งเดิน 5 นาทีก็ถึง (ดีงาม) ถึงร้านอาหารในห้างจะขึ้นชื่อเรื่องราคาที่แพง แต่เชื่อเถอะค่ะว่ามันยังถูกกว่าในโรงแรมแน่นอน 555 พอดีมีร้านอยู่ในดวงใจแล้ว จัดไปขอหนักๆ เลยมื้อเย็นสำคัญที่สุด (ทฤษฎีไหนว่ะเนี๊ยะ)

ร้าน Out Back Steak house เบาๆ ก่อนเข้านอน (มันไม่สำนึกเลยนะเนีี๊ยะ)

สเต็กเนื้อซักจาน

กลัวหมูน้อยใจ เลยพามาอยู่เป็นเพื่อนกันค่ะ


วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ตอนนี้คิดถึงเตียงนุ่มๆ บนห้องนอนแล้ว รีบกลับดีกว่า….. ผ๊างงงงง เมื่อประตูถูกเปิดออก ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาเราหลงรักโรงแรมนี้เข้าไปอีก พนักงานมาจัดเตียงให้เราเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพักผ่อนค่ะ น่ารักที่สุด อยากจุ๊บซัก 2 ทีจริงๆ เลย บอกเลยว่าคืนนั้นนอนหลับฝันดี เพราะอิทธิฤทธิ์ของเตียงดูดวิญญาณ

 

กรี๊งงงงงง เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น มานอนโรงแรมนี่ต้องตื่นเช้านะคะ ไม่ได้รักสุขภาพไรหรอกค่ะ คือจะไปกินข้าวเช้าฟรีก็แค่นั้น (เรื่องของฟรีเพราๆ บ้างมั้ยจ๊ะ) สถานที่รับประทานอาหารเช้ามี 2 แห่งค่ะ คือห้อง Brasserie และห้องสระบัว พอดีส้มเคยมาทานบุฟเฟต์ที่ห้องอาหาร Brasserie แล้ว เลยลองเปลี่ยนบรรยากาศไปนั่งทานข้าวเช้าที่ห้องอาหารสระบัวบ้าง แอบกระซิบว่ารู้สึกตัวเองเลือกผิดเล็กๆ เพราะห้องอาหารสระบัว เค้ามีบรรยากาศเงียบๆ เรียบหรู ห้องมืดไปหน่อย กินอาหารไปเกร็งชะมัด พอตอนที่เดินกลับห้องพักแอบเหลือบไปเห็นผู้คนที่ห้อง Brasserie คึกคักเชียว แงๆๆๆ

บรรยากาศในห้องอาหารสระบัว (ขออภัยภาพไม่ชัด ถ่ายจากมือถือน่ะค่ะ) มืดไปอ่ะ อยากได้สว่างกว่านี้หน่อย

 

ส่วนอาหารไม่ได้ถ่ายภาพมานะค่ะ แต่ส้มว่าไลน์อาหารสั้นมาก จะมีแค่พวกสลัดกับคอร์นเฟลก ขนมปัง ส่วนพวกออมเร็ต ต้องออเดอร์จากพนักงานน่ะค่ะ ไม่เหมือนโรงแรมทั่วไปที่ไลน์อาหารจะเยอะมาก มีทั้งโจ๊ก ข้าวต้ม ซูชิ แฮม ก๋วยเตี๋ยว เรียกว่าเลือกไม่ถูกเลย เรื่องรสชาติไม่ค่อยถูกปากส้มเท่าไหร่ เค้าออกแนวฟิวชั่นซะเยอะน่ะค่ะ แต่เรื่องหน้าตาอาหารนี่ยกนิ้วให้ สวยจริง

พอมองเห็นไลน์อาหารสั้นๆ เบื้องหน้านั้นมั้ยคะ นั่นแหละค่ะ มีแค่นั้นจริงๆ


จากการมาใช้บริการ “Siam Kempinski Hotel” ตั้งแต่ตอนเตรียมงานแต่ง และได้กลับมาพักอีกครั้งวันนี้ ส้มประทับใจมากที่สุดคือการบริการของพนักงานค่ะ พนักงานทุกคนยิ้มแย้ม และมีใจบริการมากๆ และอันดับสองคือการตกแต่งสถานที่ค่ะ อันนี้ไม่ชมไม่ได้ ทั้งสถาปัตยกรรมภายนอก รวมถึงการตกแต่งภาพใน ที่เน้นการนำความเป็นไทยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทุกๆ สิ่งอยู่เสมอ หวังว่าถ้าโชคดีถูกล็อตตารี่จะขอกลับไปทักทาย นอนเหยียดกายบนเตียงนอนนุ่มๆ นี้อีกครั้งนะคะ สวัสดี เฮ้ย!! ไม่ใช่ บ๊ายบายค่ะ

ขอปิดท้ายด้วยภาพเตียงดูดวิญญาณค่ะ ^___^

3

ฝากติดตามเพจด้วยนะคะ www.facebook.com/ISomThailand

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น